! บิตคอยน์กำลังเผชิญกับระดับการยอมรับที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการจัดตั้ง "กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์" โดยสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนบิตคอยน์บางคนกังวลว่าโครงการนี้กำลังค่อยๆ ห่างหายจากหลักการเดิม.
ต้นปีนี้ แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์และผู้สนับสนุนบิตคอยน์ กล่าวว่าหากบิตคอยน์กลายเป็นเพียง "ทองคำดิจิทัล" นั่นหมายถึงความล้มเหลว เขาย้ำว่าการมีบิตคอยน์สำรองของประเทศนั้นอาจดีต่อประเทศหนึ่ง แต่ "แต่ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะดีต่อบิตคอยน์จริงๆ หรือไม่".
ดอร์ซีย์โต้แย้งว่า Bitcoin จำเป็นต้องกลับไปสู่จิตวิญญาณที่แท้จริงของเอกสารไวท์เปเปอร์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้กลายเป็นเงินสดแบบเพียร์ทูเพียร์ที่สามารถทำธุรกรรมได้ทั่วโลกหากต้องการประสบความสำเร็จ.
ทั่วโลก มีเศรษฐกิจ Bitcoin หมุนเวียนหลายแห่งที่กำลังทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง - สร้างชุมชนท้องถิ่นที่ใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงิน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของมันและกำหนดอนาคตของ BTC.
เอกสารขาวของ Bitcoin ได้เสนอระบบเงินสด | แหล่งที่มา: Bitcoin.org## เศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin และ Wall Street
Bitcoin Federation นิยามเศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin ว่าเป็น “ระบบนิเวศเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ Bitcoin ถูกใช้มากขึ้นเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน หน่วยการคำนวณ และเครื่องมือในการเก็บรักษามูลค่า” กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือที่ที่ Bitcoin สามารถทำหน้าที่สามฟังก์ชันหลักของสกุลเงินได้.
ทั่วโลกมีชุมชนและเศรษฐกิจหมุนเวียนมากมายที่ใช้ Bitcoin แต่ทั้งหมดมีเป้าหมายร่วมกัน: เชื่อว่า Bitcoin เป็นรูปแบบเงินที่เหนือกว่าและควรใช้ในการชำระค่าสินค้า บริการ รวมถึงการชำระภาระทางการเงินอื่นๆ
วิธีการนี้แตกต่างอย่างมากจากมุมมองที่นิยมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองสำหรับการเก็บสะสม เหมือนกับทองคำดิจิทัล ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยกล่าวในงานประชุม Bitcoin Nashville เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ว่า: "อย่าขาย Bitcoin ของคุณ".
ในการนำเสนอเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่สถาบันนโยบายบิตคอยน์ CEO ของ Strategy – Michael Saylor เปรียบเทียบบิตคอยน์กับสินทรัพย์การลงทุน ตามที่เขากล่าว การถือครองบิตคอยน์ในปริมาณมาก – เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา – จะช่วยให้ประเทศนี้ควบคุมเศรษฐกิจดิจิทัลได้ เหมือนกับเวอร์ชันอื่นของ "โชคชะตาที่ชัดเจน"*.
เมื่อถูกถามว่าการที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาจะขัดกับหลักการก่อตั้งหรือไม่ Isa Santos ผู้ก่อตั้งโครงการ Bitcoin Isla ที่ Isla Mujeres ประเทศเม็กซิโก ตอบว่า:
“ใช่แล้ว แต่ นั่นคือความงามของ Bitcoin ศัตรูของคุณก็สามารถใช้มันได้เช่นกัน”
Stelios Rammos, ผู้ก่อตั้งโครงการ Geyserfund, เชื่อว่าถึงแม้จะดีหรือไม่ดี การที่รัฐบาลยอมรับ Bitcoin เป็นสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงไม่ได้".
“บิตคอยน์เป็นของทุกคน และหลักการที่สำคัญที่สุดในการก่อตั้งคือการเป็นเงินที่ไม่เป็นศูนย์กลาง ไม่ต้องการการอนุญาต หากมีปุ่มกดเพื่อห้ามรัฐบาลใช้บิตคอยน์ มันก็ไม่ใช่บิตคอยน์อีกต่อไปแล้ว”
ถึงอย่างนั้น Rammos เชื่อว่าชุมชน Bitcoin ยังคงรักษาค่านิยมหลักไว้ได้ โดยให้ความสำคัญกับการยอมรับจากผู้ใช้มากกว่าการสนับสนุนจากรัฐบาล ตามที่เขากล่าว Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงที่ Bitcoiner จำเป็นต้องใส่ใจในวิธีที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับ มากกว่าการที่มันจะได้รับการยอมรับหรือไม่.
“เศรษฐกิจหมุนเวียนจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอนาคตที่บิตคอยน์จะไม่เพียงถูกเก็บไว้ในที่เก็บข้อมูลดิจิทัลของธนาคารใหญ่และรัฐบาล แต่ยังถูกใช้โดยผู้คนในชีวิตประจำวันอีกด้วย.”
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนก็ยอมรับว่าการที่รัฐบาลรับรอง Bitcoin ยังคงนำมาซึ่งประโยชน์ที่สำคัญ ซานโตสเชื่อว่าการที่ประเทศใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกายอมรับ Bitcoin อาจเป็นสัญญาณเชิงบวก เนื่องจากหลายประเทศยังคงมองว่าสหรัฐอเมริกาเป็นแบบอย่างในด้านการเงิน.
Rammos ยังเห็นด้วย โดยระบุว่าการที่สหรัฐฯ ถือครอง Bitcoin จะช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลนี้ สร้างผลกระทบที่กระจายไปทั่วทั้งเครือข่าย และส่งเสริมการพัฒนาของเศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วโลก.
เศรษฐกิจหมุนเวียนของ Bitcoin กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งสกุลเงินภายในประเทศไม่ถือเป็นเครื่องมือในการเก็บรักษามูลค่าที่เชื่อถือได้อีกต่อไป.
ที่คิวบา ซึ่งเงินเฟ้อแพร่หลายและค่าแรงต่ำเกินไปที่จะรับประกันการดำรงชีวิต บิตคอยน์และเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ช่วยให้ประชาชนปกป้องค่าใช้จ่ายในการออมของพวกเขา
ในชนบทของเปรู ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือการเข้าถึงบริการทางการเงิน บิตคอยน์มอบทางออกที่ช่วยให้พวกเขาประหยัดเงินและชำระค่าเล่าเรียนรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการ ตามที่ Valentin Popescu ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มการศึกษาและการรณรงค์ Bitcoin Motiv ในเปรู กล่าวว่าความผันผวนอย่างมากของ Bitcoin ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือในการออมที่ยากจะได้รับการยอมรับในชุมชนชนบท
นอกจากนี้ ชุมชน Bitcoin ยังประสบปัญหาในการขยายการใช้งานไปนอกกลุ่ม Bitcoin expat* และผู้ที่หลงใหลใน Bitcoin ซึ่งคุ้นเคยกับสกุลเงินดิจิทัลนี้อยู่แล้ว ตัวอย่างที่ชัดเจนคือที่เอลซัลวาดอร์ ซึ่ง Bitcoin Beach เคยเป็นโมเดลแรกสำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าประชาชนในท้องถิ่นจะยอมรับ Bitcoin ในชีวิตประจำวันจริง ๆ
เศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin กำลังเติบโตทั่วโลก | แหล่งที่มา: Geyser Fundนอกจากความสำเร็จและความท้าทายแล้ว หลายชุมชนเหล่านี้ยังมีโปรแกรมการศึกษาเกี่ยวกับการเงินและความคิดริเริ่มในการสร้างชุมชน.
Santos กล่าวว่าแต่ละเศรษฐกิจหมุนเวียนมีลักษณะเฉพาะของตนเอง เนื่องจากต้องตอบสนองความต้องการเฉพาะของชุมชนที่พวกเขาให้บริการ เธอยังเน้นย้ำว่าจุดร่วมของเศรษฐกิจเหล่านี้คือจิตวิญญาณของการอาสาสมัคร
Bitcoin Ekasi, เศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin ในแอฟริกาใต้, สนับสนุนโครงการชุมชน Surfer Kids โดยการจ่ายเงินเดือนให้กับโค้ชด้วย BTC ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ร้านค้าและผู้ให้บริการท้องถิ่นรับการชำระเงินด้วยเหรียญนี้.
Rammos เชื่อว่าชุมชนเช่นนี้สามารถช่วยนำสถานที่ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักขึ้นสู่แผนที่การท่องเที่ยว ดึงดูดชาวต่างชาติที่ใช้ Bitcoin ที่ต้องการมาที่นี่เพื่อใช้จ่ายสกุลเงินดิจิทัลและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น.
“ในที่สุด ชุมชนท้องถิ่นจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจหมุนเวียนของ Bitcoin เช่นเดียวกับที่เครือข่าย Bitcoin ได้รับประโยชน์จากการมีอยู่ของพวกเขา – นี่คือความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันที่แท้จริง”
ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับ Bitcoin ที่เกิดจาก Wall Street หรือจากตลาดชุมชน เป้าหมายสุดท้ายของผู้สร้างชุมชนเหล่านี้ยังคงเป็นการทำให้ Bitcoin กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของระบบการเงินทั่วโลก.
Rammos สรุปว่า:
“จะมีช่วงเวลาที่ – หวังว่าไม่ไกลเกินไป – ที่เราจะไม่ต้องใช้คำว่า ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ อีกต่อไป ในเวลานั้นมันจะเป็นเพียงเศรษฐกิจ Bitcoin หรือพูดให้ถูกกว่านั้นมันจะเป็นเพียงเศรษฐกิจเท่านั้น”
*ชะตากรรมที่ชัดเจน (manifest destiny): เป็นความเชื่อว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีชะตากรรมในการขยายดินแดนจากชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก.
*Bitcoin expat: คือบุคคลต่างชาติที่ย้ายไปหรืออาศัยอยู่ในสถานที่หนึ่งโดยหลักเพื่อใช้ Bitcoin ในชีวิตประจำวัน.
ข้อควรระวัง: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจลงทุนของคุณ
อิตาโดริ
@media เฉพาะหน้าจอและ ( ความกว้างขั้นต่ํา: 0px) และ ( ความสูง: 0px) { div[id^="wrapper-sevio-d89f58f5-7b63-40be-98c0-6b1fd62584fb"] { ความกว้าง: 320px; ความสูง: 100px; } } @media เฉพาะหน้าจอและ ( ความกว้างขั้นต่ํา: 728px) และ ( ความสูง: 0px) { div[id^="wrapper-sevio-d89f58f5-7b63-40be-98c0-6b1fd62584fb"] { ความกว้าง: 728px; ความสูง: 90px; } }
213k โพสต์
169k โพสต์
135k โพสต์
78k โพสต์
65k โพสต์
60k โพสต์
56k โพสต์
52k โพสต์
51k โพสต์
อนาคตของบิทคอยน์: เศรษฐกิจหมุนเวียนหรือเงินสำรองของรัฐ?
! บิตคอยน์กำลังเผชิญกับระดับการยอมรับที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยมีการจัดตั้ง "กองทุนสำรองบิตคอยน์เชิงกลยุทธ์" โดยสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผู้สนับสนุนบิตคอยน์บางคนกังวลว่าโครงการนี้กำลังค่อยๆ ห่างหายจากหลักการเดิม.
ต้นปีนี้ แจ็ค ดอร์ซีย์ ผู้ก่อตั้งทวิตเตอร์และผู้สนับสนุนบิตคอยน์ กล่าวว่าหากบิตคอยน์กลายเป็นเพียง "ทองคำดิจิทัล" นั่นหมายถึงความล้มเหลว เขาย้ำว่าการมีบิตคอยน์สำรองของประเทศนั้นอาจดีต่อประเทศหนึ่ง แต่ "แต่ผมไม่แน่ใจว่าสิ่งนั้นจะดีต่อบิตคอยน์จริงๆ หรือไม่".
ดอร์ซีย์โต้แย้งว่า Bitcoin จำเป็นต้องกลับไปสู่จิตวิญญาณที่แท้จริงของเอกสารไวท์เปเปอร์ โดยมุ่งเน้นการพัฒนาให้กลายเป็นเงินสดแบบเพียร์ทูเพียร์ที่สามารถทำธุรกรรมได้ทั่วโลกหากต้องการประสบความสำเร็จ.
ทั่วโลก มีเศรษฐกิจ Bitcoin หมุนเวียนหลายแห่งที่กำลังทำให้สิ่งนั้นเป็นจริง - สร้างชุมชนท้องถิ่นที่ใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงิน เพื่อแสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ของมันและกำหนดอนาคตของ BTC.
Bitcoin Federation นิยามเศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin ว่าเป็น “ระบบนิเวศเศรษฐกิจท้องถิ่นที่ Bitcoin ถูกใช้มากขึ้นเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน หน่วยการคำนวณ และเครื่องมือในการเก็บรักษามูลค่า” กล่าวอีกนัยหนึ่ง มันคือที่ที่ Bitcoin สามารถทำหน้าที่สามฟังก์ชันหลักของสกุลเงินได้.
ทั่วโลกมีชุมชนและเศรษฐกิจหมุนเวียนมากมายที่ใช้ Bitcoin แต่ทั้งหมดมีเป้าหมายร่วมกัน: เชื่อว่า Bitcoin เป็นรูปแบบเงินที่เหนือกว่าและควรใช้ในการชำระค่าสินค้า บริการ รวมถึงการชำระภาระทางการเงินอื่นๆ
วิธีการนี้แตกต่างอย่างมากจากมุมมองที่นิยมในสหรัฐอเมริกา ซึ่งนักลงทุนสกุลเงินดิจิทัลมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองสำหรับการเก็บสะสม เหมือนกับทองคำดิจิทัล ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เคยกล่าวในงานประชุม Bitcoin Nashville เมื่อเดือนกรกฎาคม 2024 ว่า: "อย่าขาย Bitcoin ของคุณ".
ในการนำเสนอเมื่อวันที่ 17 มีนาคมที่สถาบันนโยบายบิตคอยน์ CEO ของ Strategy – Michael Saylor เปรียบเทียบบิตคอยน์กับสินทรัพย์การลงทุน ตามที่เขากล่าว การถือครองบิตคอยน์ในปริมาณมาก – เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐอเมริกา – จะช่วยให้ประเทศนี้ควบคุมเศรษฐกิจดิจิทัลได้ เหมือนกับเวอร์ชันอื่นของ "โชคชะตาที่ชัดเจน"*.
เมื่อถูกถามว่าการที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากประเทศอย่างสหรัฐอเมริกาจะขัดกับหลักการก่อตั้งหรือไม่ Isa Santos ผู้ก่อตั้งโครงการ Bitcoin Isla ที่ Isla Mujeres ประเทศเม็กซิโก ตอบว่า:
“ใช่แล้ว แต่ นั่นคือความงามของ Bitcoin ศัตรูของคุณก็สามารถใช้มันได้เช่นกัน”
Stelios Rammos, ผู้ก่อตั้งโครงการ Geyserfund, เชื่อว่าถึงแม้จะดีหรือไม่ดี การที่รัฐบาลยอมรับ Bitcoin เป็นสิ่งที่ "หลีกเลี่ยงไม่ได้".
“บิตคอยน์เป็นของทุกคน และหลักการที่สำคัญที่สุดในการก่อตั้งคือการเป็นเงินที่ไม่เป็นศูนย์กลาง ไม่ต้องการการอนุญาต หากมีปุ่มกดเพื่อห้ามรัฐบาลใช้บิตคอยน์ มันก็ไม่ใช่บิตคอยน์อีกต่อไปแล้ว”
ถึงอย่างนั้น Rammos เชื่อว่าชุมชน Bitcoin ยังคงรักษาค่านิยมหลักไว้ได้ โดยให้ความสำคัญกับการยอมรับจากผู้ใช้มากกว่าการสนับสนุนจากรัฐบาล ตามที่เขากล่าว Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงที่ Bitcoiner จำเป็นต้องใส่ใจในวิธีที่ Bitcoin ได้รับการยอมรับ มากกว่าการที่มันจะได้รับการยอมรับหรือไม่.
“เศรษฐกิจหมุนเวียนจะมีบทบาทสำคัญในการผลักดันอนาคตที่บิตคอยน์จะไม่เพียงถูกเก็บไว้ในที่เก็บข้อมูลดิจิทัลของธนาคารใหญ่และรัฐบาล แต่ยังถูกใช้โดยผู้คนในชีวิตประจำวันอีกด้วย.”
แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ผู้เชี่ยวชาญทั้งสองคนก็ยอมรับว่าการที่รัฐบาลรับรอง Bitcoin ยังคงนำมาซึ่งประโยชน์ที่สำคัญ ซานโตสเชื่อว่าการที่ประเทศใหญ่เช่นสหรัฐอเมริกายอมรับ Bitcoin อาจเป็นสัญญาณเชิงบวก เนื่องจากหลายประเทศยังคงมองว่าสหรัฐอเมริกาเป็นแบบอย่างในด้านการเงิน.
Rammos ยังเห็นด้วย โดยระบุว่าการที่สหรัฐฯ ถือครอง Bitcoin จะช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลนี้ สร้างผลกระทบที่กระจายไปทั่วทั้งเครือข่าย และส่งเสริมการพัฒนาของเศรษฐกิจหมุนเวียนทั่วโลก.
Bitcoin สามารถทำอะไรได้บ้างสำหรับชุมชนเหล่านี้?
เศรษฐกิจหมุนเวียนของ Bitcoin กำลังเกิดขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งสกุลเงินภายในประเทศไม่ถือเป็นเครื่องมือในการเก็บรักษามูลค่าที่เชื่อถือได้อีกต่อไป.
ที่คิวบา ซึ่งเงินเฟ้อแพร่หลายและค่าแรงต่ำเกินไปที่จะรับประกันการดำรงชีวิต บิตคอยน์และเศรษฐกิจหมุนเวียนได้ช่วยให้ประชาชนปกป้องค่าใช้จ่ายในการออมของพวกเขา
ในชนบทของเปรู ซึ่งประชากรส่วนใหญ่ไม่มีบัญชีธนาคารหรือการเข้าถึงบริการทางการเงิน บิตคอยน์มอบทางออกที่ช่วยให้พวกเขาประหยัดเงินและชำระค่าเล่าเรียนรวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำรงชีวิตประจำวัน
อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายบางประการ ตามที่ Valentin Popescu ผู้ร่วมก่อตั้งกลุ่มการศึกษาและการรณรงค์ Bitcoin Motiv ในเปรู กล่าวว่าความผันผวนอย่างมากของ Bitcoin ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือในการออมที่ยากจะได้รับการยอมรับในชุมชนชนบท
นอกจากนี้ ชุมชน Bitcoin ยังประสบปัญหาในการขยายการใช้งานไปนอกกลุ่ม Bitcoin expat* และผู้ที่หลงใหลใน Bitcoin ซึ่งคุ้นเคยกับสกุลเงินดิจิทัลนี้อยู่แล้ว ตัวอย่างที่ชัดเจนคือที่เอลซัลวาดอร์ ซึ่ง Bitcoin Beach เคยเป็นโมเดลแรกสำหรับเศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าประชาชนในท้องถิ่นจะยอมรับ Bitcoin ในชีวิตประจำวันจริง ๆ
Santos กล่าวว่าแต่ละเศรษฐกิจหมุนเวียนมีลักษณะเฉพาะของตนเอง เนื่องจากต้องตอบสนองความต้องการเฉพาะของชุมชนที่พวกเขาให้บริการ เธอยังเน้นย้ำว่าจุดร่วมของเศรษฐกิจเหล่านี้คือจิตวิญญาณของการอาสาสมัคร
Bitcoin Ekasi, เศรษฐกิจหมุนเวียน Bitcoin ในแอฟริกาใต้, สนับสนุนโครงการชุมชน Surfer Kids โดยการจ่ายเงินเดือนให้กับโค้ชด้วย BTC ในขณะเดียวกันก็สนับสนุนให้ร้านค้าและผู้ให้บริการท้องถิ่นรับการชำระเงินด้วยเหรียญนี้.
Rammos เชื่อว่าชุมชนเช่นนี้สามารถช่วยนำสถานที่ที่ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักขึ้นสู่แผนที่การท่องเที่ยว ดึงดูดชาวต่างชาติที่ใช้ Bitcoin ที่ต้องการมาที่นี่เพื่อใช้จ่ายสกุลเงินดิจิทัลและกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น.
“ในที่สุด ชุมชนท้องถิ่นจะได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจหมุนเวียนของ Bitcoin เช่นเดียวกับที่เครือข่าย Bitcoin ได้รับประโยชน์จากการมีอยู่ของพวกเขา – นี่คือความสัมพันธ์แบบอยู่ร่วมกันที่แท้จริง”
ไม่ว่าจะเป็นการยอมรับ Bitcoin ที่เกิดจาก Wall Street หรือจากตลาดชุมชน เป้าหมายสุดท้ายของผู้สร้างชุมชนเหล่านี้ยังคงเป็นการทำให้ Bitcoin กลายเป็นส่วนหนึ่งที่ขาดไม่ได้ของระบบการเงินทั่วโลก.
Rammos สรุปว่า:
“จะมีช่วงเวลาที่ – หวังว่าไม่ไกลเกินไป – ที่เราจะไม่ต้องใช้คำว่า ‘เศรษฐกิจหมุนเวียน’ อีกต่อไป ในเวลานั้นมันจะเป็นเพียงเศรษฐกิจ Bitcoin หรือพูดให้ถูกกว่านั้นมันจะเป็นเพียงเศรษฐกิจเท่านั้น”
*ชะตากรรมที่ชัดเจน (manifest destiny): เป็นความเชื่อว่าประเทศสหรัฐอเมริกามีชะตากรรมในการขยายดินแดนจากชายฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไปยังมหาสมุทรแปซิฟิก.
*Bitcoin expat: คือบุคคลต่างชาติที่ย้ายไปหรืออาศัยอยู่ในสถานที่หนึ่งโดยหลักเพื่อใช้ Bitcoin ในชีวิตประจำวัน.
ข้อควรระวัง: บทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อข้อมูลเท่านั้น ไม่ใช่คำแนะนำการลงทุน นักลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ เราไม่รับผิดชอบต่อการตัดสินใจลงทุนของคุณ
อิตาโดริ
@media เฉพาะหน้าจอและ ( ความกว้างขั้นต่ํา: 0px) และ ( ความสูง: 0px) { div[id^="wrapper-sevio-d89f58f5-7b63-40be-98c0-6b1fd62584fb"] { ความกว้าง: 320px; ความสูง: 100px; } } @media เฉพาะหน้าจอและ ( ความกว้างขั้นต่ํา: 728px) และ ( ความสูง: 0px) { div[id^="wrapper-sevio-d89f58f5-7b63-40be-98c0-6b1fd62584fb"] { ความกว้าง: 728px; ความสูง: 90px; } }