Halaman ini mungkin berisi konten pihak ketiga, yang disediakan untuk tujuan informasi saja (bukan pernyataan/jaminan) dan tidak boleh dianggap sebagai dukungan terhadap pandangannya oleh Gate, atau sebagai nasihat keuangan atau profesional. Lihat Penafian untuk detailnya.
Investasi bertahap dengan DCA adalah pendekatan mana yang membuat pemula sukses pada tahun 2568
การสร้างทรัพย์สินด้วยการออมอย่างสม่ำเสมอเป็นกลยุทธ์ที่นิยมกันมากในปัจจุบัน โดยเฉพาะวิธีการ DCA (Dollar-Cost-Averaging) หรือการถัวเฉลี่ยต้นทุน ซึ่งเป็นการสะสมเงินลงทุนทีละน้อยในช่วงเวลาปกติตามระบบ ลักษณะการลงทุนแบบนี้ได้รับการยอมรับเพราะเหมาะสมกับผู้ลงทุนระดับเริ่มต้น ไม่ต้องมีเงินทุนจำนวนมาก และไม่มีความซับซ้อนในการดำเนินการ
ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับ DCA
Dollar-Cost-Averaging หรือ DCA คือกลยุทธ์การลงทุนที่ผู้ลงทุนจะทยอยซื้อสินทรัพย์เลือก เช่น หุ้น กองทุนรวม หรือหลักทรัพย์อื่น ๆ ด้วยจำนวนเงินเท่า ๆ กัน ในแต่ละช่วงเวลาที่กำหนดไว้ เช่นทุกสัปดาห์หรือทุกเดือน โดยไม่สนใจว่าราคาตลาดจะเป็นเท่าไร
ตัวอย่างเช่น หากคุณตัดสินใจสะสมเงิน 3,000 บาททุกวันที่ 15 ของเดือน เมื่อราคาสูงขึ้น เงินนี้จะซื้อหุ้นได้จำนวนน้อยลง ในทางกลับกัน เมื่อราคาลดลง เงินเดียวกันจะซื้อหุ้นได้มากขึ้น วิธีนี้ช่วยลดผลกระทบจากความผันผวนของตลาดและสร้างวินัยในการออมต่อเนื่อง
การคำนวณ DCA ช่วยให้ผู้ลงทุนได้ต้นทุนเฉลี่ยที่เหมาะสมมากขึ้น เพราะจำนวนหุ้นที่ซื้อได้นั้นปรับตัวตามราคาตลาด ส่วนใหญ่คนที่นำวิธีนี้ไปใช้จะเลือกระยะเวลารายเดือน เนื่องจากสอดคล้องกับการได้รับเงินเดือนและช่วยให้งานออมเป็นอีกหนึ่งข้อบัญชีประจำในชีวิตประจำวัน
ประโยชน์หลักของการลงทุนแบบ DCA
ข้อดีที่ต้องรู้
1. ต้นทุนน้อยก็สามารถเริ่มต้นได้
ไม่ต้องเตรียมเงินจำนวนมากในครั้งเดียว การเริ่มต้นด้วยการแบ่งรายได้เดือนเพียงส่วนเล็ก ๆ เช่น 1,000-5,000 บาท ก็สามารถเข้าสู่โลกการลงทุนได้แล้ว วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้มีทุนจำกัดแต่ต้องการผลตอบแทนที่ดีกว่าการฝากธนาคารธรรมดา
2. ลดความเสี่ยงจากการลงทุนเพียงครั้งเดียว
ในช่วงราคาตลาดลดลง เงินลงทุนเดือนถัดไปสามารถซื้อหุ้นได้มากขึ้น ซึ่งช่วยลดการขาดทุนที่อาจเกิดจากการซื้อในจังหวะไม่ดี
3. ผลตอบแทนเกินกว่าดอกเบี้ยประจำ
มูลค่าหุ้นที่ถือในมือนั้นสามารถเพิ่มขึ้นได้ตามกาลเวลา เมื่อเทียบกับดอกเบี้ยเงินฝาก ยิ่งเก็บสะสมนานเท่าไร ต้นทุนเฉลี่ยก็ยิ่งลดต่ำลง ตัวอย่างเช่น หากเริ่มที่ต้นทุน 10 บาทต่อหุ้น หลังจากสะสมระยะหนึ่งต้นทุนอาจลดเหลือ 9 บาท เมื่อมูลค่าของหุ้นเพิ่มเป็น 13 บาท คุณจะได้กำไร 4 บาทต่อหุ้น
4. เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำ
นักลงทุนใหม่และผู้ที่ไม่มีเวลามากมายสำหรับการติดตามตลาด สามารถใช้วิธี DCA ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องกังวลเรื่องการจับจังหวะซื้อขาย เพราะระบบจะช่วยตัดเงินเป็นประจำตามที่กำหนด
ข้อจำกัดที่ควรรู้
1. ต้นทุนอาจสูงกว่าราคาปัจจุบันในระยะสั้น
เนื่องจากการสะสมรวมถึงช่วงราคาสูงและต่ำ ในช่วงเวลาสั้น ๆ ต้นทุนเฉลี่ยอาจสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน
2. ไม่สามารถหลีกเลี่ยงการขาดทุนได้หากเลือกหุ้นผิด
หากหุ้นที่เลือกไม่มีปัจจัยพื้นฐานดีและราคาลดต่อเนื่อง แม้ใช้ DCA ก็ยังอาจขาดทุนได้
3. ไม่เหมาะสำหรับนักเก็งกำไรแบบจังหวะตลาด
การลงทุนแบบสม่ำเสมอนี้ออกแบบมาเพื่อการสะสมทรัพย์ระยะยาว ไม่ใช่เพื่อจับจังหวะราคาผันผวน
เกณฑ์การเลือกหุ้นที่เหมาะสมสำหรับ DCA
ก่อนที่จะเริ่มต้นการลงทุนแบบ DCA สิ่งสำคัญคือต้องเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง:
ตัวอย่างการคำนวณ DCA ในการปฏิบัติ
เมื่อคุณลงทุนสม่ำเสมออย่างไรก็ตาม ต่อไปนี้คือตัวอย่างว่าการคำนวณ DCA ช่วยให้คุณได้ประโยชน์อย่างไร:
จากตารางนี้เห็นได้ชัดว่า หากราคาหุ้นแกว่งตัวในช่วง 6-15 บาท การลงทุนเดือนละ 3,000 บาทตลอด 12 เดือนจะให้ต้นทุนเฉลี่ย 9.67 บาทต่อหุ้น ซึ่งต่ำกว่าราคาปิดเดือน 12 ที่ 15 บาท
หากเปรียบเทียบกับการลงทุนครั้งเดียวเมื่อสิ้นปีด้วยเงิน 36,000 บาท ที่ราคา 15 บาท คุณจะได้หุ้นเพียง 2,400 หุ้น ซึ่งน้อยกว่าการสะสมแบบ DCAถึง 1,540 หุ้น
หุ้นแนะนำสำหรับการเริ่มต้น DCA
1. PTT - บริษัทปตท. จำกัด (มหาชน)
บริษัทพลังงานแห่งชาติที่ดำเนินธุรกิจครบวงจรตั้งแต่การสำรวจ ผลิต กลั่น จนถึงจัดจำหน่ายน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ PTT มีความมั่นคงสูงและจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับการสะสมระยะยาว
2. CPALL - บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
ผู้บริหารสาขา 7-Eleven กว่า 13,000 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังจัดการศูนย์กระจายสินค้าและธุรกิจค้าส่ง CPALL เติบโตอย่างต่อเนื่องและมีกำไรที่แข็งแกร่ง รวมถึงการจ่ายปันผลที่สม่ำเสมอ
3. SCC - ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน)
บริษัทชั้นนำในภูมิภาคอาเซียนที่มีประวัติ 100 ปีขึ้นไป ดำเนินธุรกิจซีเมนต์ เคมีคอล และแพคเกจจิ้ง SCC มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง ปรับตัวได้ดีต่อการเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยี และมีการจ่ายเงินปันผลอย่างสม่ำเสมอ
4. INTUCH - บริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
บริษัทลงทุนในโทรคมนาคม ไอที และดิจิทัล โดยถือหุ้นใหญ่ใน AIS ซึ่งเป็นผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่ INTUCH มีกระแสเงินสดคงที่และจ่ายเงินปันผลสูง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการรายได้ประจำจากการลงทุน
5. BBL - ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ที่มีเครือข่ายกว้างขวาง BBL มีความมั่นคงสูง ฐานลูกค้าหลากหลาย และจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ เป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับผู้ลงทุนในกลุ่มธนาคาร
6. CPN - เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน)
ผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้ากว่า 30 แห่งทั่วประเทศ นอกจากนี้ยังพัฒนาสัตหาริมทรัพย์ประเภทต่าง ๆ CPN มีรายได้มั่นคงจากค่าเช่า เติบโตต่อเนื่อง และปรับตัวได้ดีต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลง
ตัวเลือกการเปิดบัญชี DCA ในปีนี้
ขณะนี้มีสถาบันทางการเงินมากมายที่เสนอบริการ DCA ด้วยเงื่อนไขต่างกัน:
*ค่าธรรมเนียมยังไม่รวมค่าธรรมเนียมตลาดหลักทรัพย์และภาษีมูลค่าเพิ่ม 7%
บริษัทหลักทรัพย์ยอดนิยมเพื่อ DCA
SCBS - เงินเริ่มต้น 2,000 บาท สามารถเลือกหุ้นจาก SET100, TDEX, BMSCITH โดยการซื้อผ่านอินเทอร์เน็ตจะได้ค่าธรรมเนียม 0.157%
SBI - เงินเริ่มต้นเพียง 1,000 บาท เน้นลงทุนในหุ้น SET100 เท่านั้น ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด 0.075%
Phillip - เงินขั้นต่ำ 1,000 บาท เลือกจากรายชื่อหุ้นแนะนำ 36 ตัวที่นักวิเคราะห์ คัดสรร ระยะเวลาฝาก 5-20 และ 28 ของเดือน
KS - เงินเริ่มต้น 5,000 บาท ให้เลือกหุ้น SET100 หรือกองทุนรวม มีทั้งการลงทุนรายเดือนและรายสัปดาห์
Nomura - เงินขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท โดยลงทุนในหุ้น CNS ที่ปลัดประกาศรายชื่อ ทำการตัดเงินในวันทำการแรกของเดือน
KTBS - จาก KTBST Smart DCA เงินเริ่มต้น 1,000 บาท ให้เลือกตลาด SET และ MAI ค่าธรรมเนียม 0.25%
Maybank Kim Eng - เงินต่ำสุด 5,000 บาท โฟกัสในหุ้น SET50 และ SET100 ค่าธรรมเนียมแข่งขันที่ 0.15%
เริ่มต้นการออมสะสมด้วยการลงทุน DCA
การลงทุนแบบ DCA ไม่ใช่วิธีที่จะให้ผลตอบแทนสูงสุด แต่เป็นวิธีที่ช่วยให้ผู้ลงทุนสร้างวินัยและความอดทนในการสะสมทรัพย์สินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เมื่อรวมกับการเลือกหุ้นที่มีพื้นฐานดี ผลตอบแทนในระยะยาวนั้นจึงน่าพอใจอย่างมาก
สำหรับผู้มือใหม่ที่มีรายได้ประจำแต่ต้องการเพิ่มช่องทางของการสร้างทรัพย์ วิธี DCA นี้จึงเป็นตัวเลือกที่สมควรลองปฏิบัติดู ท้ายที่สุด การออมอย่างสม่ำเสมอคือรากฐานของการสร้างทรัพย์สินที่ยั่งยืน